Artwork

Sisällön tarjoaa Soul Food Ministries. Soul Food Ministries tai sen podcast-alustan kumppani lataa ja toimittaa kaiken podcast-sisällön, mukaan lukien jaksot, grafiikat ja podcast-kuvaukset. Jos uskot jonkun käyttävän tekijänoikeudella suojattua teostasi ilman lupaasi, voit seurata tässä https://fi.player.fm/legal kuvattua prosessia.
Player FM - Podcast-sovellus
Siirry offline-tilaan Player FM avulla!

Ep.353 หย่าร้างกันมากขึ้นในวัย 50+

13:34
 
Jaa
 

Manage episode 407654856 series 3264869
Sisällön tarjoaa Soul Food Ministries. Soul Food Ministries tai sen podcast-alustan kumppani lataa ja toimittaa kaiken podcast-sisällön, mukaan lukien jaksot, grafiikat ja podcast-kuvaukset. Jos uskot jonkun käyttävän tekijänoikeudella suojattua teostasi ilman lupaasi, voit seurata tässä https://fi.player.fm/legal kuvattua prosessia.
”ส่วนคนที่แต่งงานแล้ว ข้าพเจ้าขอสั่ง ไม่ใช่ข้าพเจ้าสั่งเอง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า อย่าให้ภรรยาแยกจากสามี แต่ถ้านางแยกจากสามีแล้ว ก็อย่าให้นางแต่งงานใหม่ หรือไม่ก็ให้นางคืนดีกับสามี และ อย่าให้สามีหย่าภรรยาเลย“ ~1 โครินธ์ 7:10-11 THSV11 ชัดเจนว่า พระคัมภีร์สอนไม่ให้เราหย่าร้างกัน แต่ในความเป็นจริง ทุกวันนี้ จากข้อมูล และการวิจัย เปิดเผยว่า มีการหย่าร้างมากขึ้น ทั้ง 1.ภายนอกและภายในโบสถ์ 2.ครอบครัวสมาชิกและผู้นำคริสตจักร ในทุกๆวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท่ามกลางคนที่มีวัย50+ ขึ้นไป จึงเกิดคำถามขึ้นว่า “ทำไมคนที่มีวัย50+ ขึ้นไป จึงหย่าร้างกันเพิ่มขึ้น? คำตอบคือ ” …เพราะว่า 1.คนในวัยนี้ คู่สมรสคาดหวังจากคู่ของตนมากกว่าสมัยก่อนคือคาดหวังให้คู่สมรสของตน เป็นสามี/ภรรยา เป็นเพื่อนสนิท เป็นทั้งนักจิตวิทยา เป็นทั้งพ่อบ้านแม่บ้าน เป็นทั้งที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้ร่วมหาเงิน เป็นทั้งคู่รักที่เต็มไปด้วย passion โหยหา เป็นทั้งเพื่อนออกกำลังกาย หรือ เป็นผู้ช่วยในทุกเรื่องฯลฯ แต่ในชีวิตจริงแล้ว นั่นเป็นความคาดหวังที่ยากเกินกว่าใครคนหนึ่ง จะเติมเต็มอีกคนหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ จึงส่งผลให้ผิดหวังและไม่พึงพอใจกับความรักความสัมพันธ์ที่มีกันอยู่ และทำให้มีแนวโน้มที่จะหย่าร้างกันมากขึ้น 2.คนในวัยนี้ หากมีลูก ลูกๆก็เริ่มโตขึ้นหมดแล้ว ยิ่งสัมพันธภาพฉันสามีภรรยาที่มีอยู่นั้น สร้างทุกข์ หรือไม่ก่อสุข และความสัมพันธ์ที่“อยู่เพื่อลูก” นั้นก็ไม่มีอีกแล้ว จึงทำให้คู่รักจำนวนมากตัดสินใจที่หย่าร้างได้ง่ายขึ้น 3.คนในวัยนี้ ไม่ถือว่าใกล้ตายเหมือนก่อน เพราะทุกวันนี้คนอายุยืนมากกว่าคนสมัยก่อน ฉะนั้น หากจะให้ทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่โอเคแบบ “ทนๆไปเถอะ เดี๋ยวก็ตายแล้ว!” คนในรุ่นนี้ ต่างก็ไม่คิดจะว่าจะทำอีกต่อไปแล้ว จึงเลือกการหย่าร้างเป็นทางออก เมื่อถึงทางตัน 4.คนในวัยนี้ คือคนที่เริ่มมีปัญหาสุขภาพ และมีความเครียดอย่างชัดเจน และส่งกระทบความสัมพันธ์ ทำให้คู่รักมีแนวโน้มที่จะทะเลาะกันมากขึ้น และนำมาสู่การเลิกรากันได้ในที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เผชิญอยู่ และ ความรับผิดชอบหรือภาระที่แบกไม่ไหว 5.คนในวัยนี้ (50 หรือมากกว่า) เริ่มที่กำลังจะเกษียณอายุการทำงาน ก่อนหน้านี้ ต่อให้คู่รักทั้งสองมี “สิ่งที่เข้ากันไม่ได้” ทั้ง2ก็ยังคงสามารถต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานระหว่างวันได้ ทั้งคู่จึงไม่ได้เจอกับ “สิ่งที่เข้ากันไม่ได้” ของกันและกันมากนักในช่วงระหว่างวัน แต่พอคู่สมรสเริ่มเกษียณอายุการทำงาน ทั้งคู่ก็จะไม่มีงานเป็น “หลุมหลบภัย”ให้ อีกต่อไป จึงส่งผลให้พวกเขาต้องหันมาเผชิญหน้ากับ “สิ่งที่เข้ากันไม่ได้” ของกันและกันมากขึ้น และคู่รัก/คู่สมรสจำนวนไม่น้อย พบว่า แม้พวกเขาจะพยายามแก้ไขและปรับปรุง “สิ่งที่เข้ากันไม่ได้” หรือ “ความแตกต่าง” เหล่านี้อยู่พักใหญ่ เช่นเรื่อง อารมณ์ นิสัย ความคิดเห็น ความเชื่อศรัทธา เป้าหมายชีวิต หรือ สไตล์การใช้ชีวิต แต่ในที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไปต่อกันไม่ไหวจริงๆ ส่งผลให้พวกเขาตัดสินใจหย่าร้างกัน 6.คนในวัยนี้ พบว่า การหย่าร้างไม่ใช่สิ่งที่คนในสังคม “เบือนหน้าหนี” มากเท่ากับในสมัยก่อน เพราะถ้าเป็นสมัยก่อน คู่รักจำนวนไม่น้อยที่เลือกที่จะ “ทนอยู่กันไป” เนื่องด้วยคำนึงในเรื่องของ “หน้าตาทางสังคม” แต่ ในช่วงหลังๆนี้ ค่านิยมของสังคมเริ่มเปลี่ยนไป ผู้คนให้การยอมรับกับคนที่ผ่านการหย่าร้างมามากขึ้น ส่งผลให้คู่รัก เลือกที่จะ “ทนอยู่กันไป” น้อยลงตามลำดับ และเลือกการหย่าร้างมากขึ้น 7.คนในวัยนี้ ในยุคนี้ ส่วนใหญ่อยู่ได้ด้วยตนเอง ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคมและสุขภาพ ซึ่งสมัยก่อนแม้ไม่พอใจกัน แต่ก็จำเป็นต้องอยู่ต่อไปด้วยกัน เพราะเหตุผลทางสังคม และทางเศรษฐกิจที่จำต้องพึ่งพากัน แต่เมื่อเวลานี้ ตัวเองอยู่ได้ โดยไม่ต้องทนลำบากกายลำบากใจ การหย่ากันแล้วมีอิสรภาพ จึงเป็นทางเลือกที่น่าปราถนามากกว่า 8.คนในวัยนี้ ต่างมีความฝัน ตั้งแต่วัยเด็ก ที่ยังไม่ได้ตอบสนองมากมาย เพราะเมื่อเริ่มต้นอยู่กันเป็นครอบครัว ก็ต้องมุ่งแต่สร้างตัว สร้างครอบครัว ด้วยการทำงานหนักหรือเสียสละมา จนบัดนี้ ก็ถือว่านานมากแล้ว ในเมื่อบัดนี้ ไม่มีสิ่งใดที่น่าทะนุถนอมรักษา เหลืออยู่ในความสัมพันธ์แล้ว การได้เสรีภาพที่จะสนองความฝันของตน จึงเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เกิดการหย่าร้างขึ้น 9.คนในวัยนี้ ความอดกลั้นอดทนต่ำลง เพราะความระหองระแหงที่สะสมมา ดังนั้น เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ให้เกียรติแก่ตน หรือแก่คนที่ตนเองรักเคารพ อย่างเช่นบิดามารดา หรือ มีการทำผิดนอกใจตน ฟางเสันสุดท้ายก็ขาดลง จึงจบลงที่การหย่าร้าง! และอย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า พระคัมภีร์สั่งไว้ว่า 1.คนที่แต่งงานแล้ว 1).อย่าให้ภรรยาแยกจากสามี 2).อย่าให้สามีหย่าภรรยาเลย 2.คนที่หย่า หรือ แยกกันไปแล้ว 1).อย่าแต่งงานใหม่ 2).ให้คืนดีกันกับคนเก่า และแต่งงานอีกครั้งได้ พี่น้องที่รัก คำว่า “หย่าร้าง ”(divorce)มาจากคำภาษาลาตินว่า “divetere” ที่หมายว่า ” กั้นให้หันไป ชักจูงให้เห ทำให้เบี่ยงเบน ทำให้เขว ทำให้ออกนอกลู่นอกทาง หรือ เปลี่ยนเส้นทาง หรือ หาความเพลิดเพลิน“ ดังนั้น หากผู้ใด หรือ คู่ใด กำลังถูก ชักจูง ให้ออกนอกลู่ของชีวิตสมรส คือ คิดจะแยกทางหรือหย่าร้างกัน ผมขอหนุนใจให้ท่าน และคู่ของท่าน เข้ารับการ 1.ปรับความเข้าใจ 2.ปรับทัศนคติและ 3.ปรับความสัมพันธ์ ผ่านกระบวนการการให้คำปรึกษาเรื่องครอบครัวที่ดีที่มีคุณภาพ หากคริสตจักรกระทำได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อ 1).สมาชิก และ 2).ชุมชน แต่หากว่าคู่ของท่านไม่มี หรือ ไม่รู้จักหลักสูตรใดที่เหมาะสม ผมขอแนะนำ ให้ท่านตัดสินใจเข้าร่วมใน “หลักสูตรคู่สมรส” ขององค์การอัลฟ่าประเทศไทย เพราะอาจ 1.จะช่วยเหลือคู่แต่งงาน (ของท่าน)ที่กำลังคิดจะหย่าร้างกันได้ทันเวลา และ 2.จะนำท่านกลับเข้าสู่ลู่วิ่งของชีวิตครอบครัวที่เป็นสุข ในมิติที่ใหม่สดใสขึ้นกว่าเดิม อย่างน่าอัศจรรย์ใจกว่าเดิม --- Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/soulfood-podcast/message
  continue reading

422 jaksoa

Artwork
iconJaa
 
Manage episode 407654856 series 3264869
Sisällön tarjoaa Soul Food Ministries. Soul Food Ministries tai sen podcast-alustan kumppani lataa ja toimittaa kaiken podcast-sisällön, mukaan lukien jaksot, grafiikat ja podcast-kuvaukset. Jos uskot jonkun käyttävän tekijänoikeudella suojattua teostasi ilman lupaasi, voit seurata tässä https://fi.player.fm/legal kuvattua prosessia.
”ส่วนคนที่แต่งงานแล้ว ข้าพเจ้าขอสั่ง ไม่ใช่ข้าพเจ้าสั่งเอง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า อย่าให้ภรรยาแยกจากสามี แต่ถ้านางแยกจากสามีแล้ว ก็อย่าให้นางแต่งงานใหม่ หรือไม่ก็ให้นางคืนดีกับสามี และ อย่าให้สามีหย่าภรรยาเลย“ ~1 โครินธ์ 7:10-11 THSV11 ชัดเจนว่า พระคัมภีร์สอนไม่ให้เราหย่าร้างกัน แต่ในความเป็นจริง ทุกวันนี้ จากข้อมูล และการวิจัย เปิดเผยว่า มีการหย่าร้างมากขึ้น ทั้ง 1.ภายนอกและภายในโบสถ์ 2.ครอบครัวสมาชิกและผู้นำคริสตจักร ในทุกๆวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท่ามกลางคนที่มีวัย50+ ขึ้นไป จึงเกิดคำถามขึ้นว่า “ทำไมคนที่มีวัย50+ ขึ้นไป จึงหย่าร้างกันเพิ่มขึ้น? คำตอบคือ ” …เพราะว่า 1.คนในวัยนี้ คู่สมรสคาดหวังจากคู่ของตนมากกว่าสมัยก่อนคือคาดหวังให้คู่สมรสของตน เป็นสามี/ภรรยา เป็นเพื่อนสนิท เป็นทั้งนักจิตวิทยา เป็นทั้งพ่อบ้านแม่บ้าน เป็นทั้งที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้ร่วมหาเงิน เป็นทั้งคู่รักที่เต็มไปด้วย passion โหยหา เป็นทั้งเพื่อนออกกำลังกาย หรือ เป็นผู้ช่วยในทุกเรื่องฯลฯ แต่ในชีวิตจริงแล้ว นั่นเป็นความคาดหวังที่ยากเกินกว่าใครคนหนึ่ง จะเติมเต็มอีกคนหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ จึงส่งผลให้ผิดหวังและไม่พึงพอใจกับความรักความสัมพันธ์ที่มีกันอยู่ และทำให้มีแนวโน้มที่จะหย่าร้างกันมากขึ้น 2.คนในวัยนี้ หากมีลูก ลูกๆก็เริ่มโตขึ้นหมดแล้ว ยิ่งสัมพันธภาพฉันสามีภรรยาที่มีอยู่นั้น สร้างทุกข์ หรือไม่ก่อสุข และความสัมพันธ์ที่“อยู่เพื่อลูก” นั้นก็ไม่มีอีกแล้ว จึงทำให้คู่รักจำนวนมากตัดสินใจที่หย่าร้างได้ง่ายขึ้น 3.คนในวัยนี้ ไม่ถือว่าใกล้ตายเหมือนก่อน เพราะทุกวันนี้คนอายุยืนมากกว่าคนสมัยก่อน ฉะนั้น หากจะให้ทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่โอเคแบบ “ทนๆไปเถอะ เดี๋ยวก็ตายแล้ว!” คนในรุ่นนี้ ต่างก็ไม่คิดจะว่าจะทำอีกต่อไปแล้ว จึงเลือกการหย่าร้างเป็นทางออก เมื่อถึงทางตัน 4.คนในวัยนี้ คือคนที่เริ่มมีปัญหาสุขภาพ และมีความเครียดอย่างชัดเจน และส่งกระทบความสัมพันธ์ ทำให้คู่รักมีแนวโน้มที่จะทะเลาะกันมากขึ้น และนำมาสู่การเลิกรากันได้ในที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เผชิญอยู่ และ ความรับผิดชอบหรือภาระที่แบกไม่ไหว 5.คนในวัยนี้ (50 หรือมากกว่า) เริ่มที่กำลังจะเกษียณอายุการทำงาน ก่อนหน้านี้ ต่อให้คู่รักทั้งสองมี “สิ่งที่เข้ากันไม่ได้” ทั้ง2ก็ยังคงสามารถต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานระหว่างวันได้ ทั้งคู่จึงไม่ได้เจอกับ “สิ่งที่เข้ากันไม่ได้” ของกันและกันมากนักในช่วงระหว่างวัน แต่พอคู่สมรสเริ่มเกษียณอายุการทำงาน ทั้งคู่ก็จะไม่มีงานเป็น “หลุมหลบภัย”ให้ อีกต่อไป จึงส่งผลให้พวกเขาต้องหันมาเผชิญหน้ากับ “สิ่งที่เข้ากันไม่ได้” ของกันและกันมากขึ้น และคู่รัก/คู่สมรสจำนวนไม่น้อย พบว่า แม้พวกเขาจะพยายามแก้ไขและปรับปรุง “สิ่งที่เข้ากันไม่ได้” หรือ “ความแตกต่าง” เหล่านี้อยู่พักใหญ่ เช่นเรื่อง อารมณ์ นิสัย ความคิดเห็น ความเชื่อศรัทธา เป้าหมายชีวิต หรือ สไตล์การใช้ชีวิต แต่ในที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไปต่อกันไม่ไหวจริงๆ ส่งผลให้พวกเขาตัดสินใจหย่าร้างกัน 6.คนในวัยนี้ พบว่า การหย่าร้างไม่ใช่สิ่งที่คนในสังคม “เบือนหน้าหนี” มากเท่ากับในสมัยก่อน เพราะถ้าเป็นสมัยก่อน คู่รักจำนวนไม่น้อยที่เลือกที่จะ “ทนอยู่กันไป” เนื่องด้วยคำนึงในเรื่องของ “หน้าตาทางสังคม” แต่ ในช่วงหลังๆนี้ ค่านิยมของสังคมเริ่มเปลี่ยนไป ผู้คนให้การยอมรับกับคนที่ผ่านการหย่าร้างมามากขึ้น ส่งผลให้คู่รัก เลือกที่จะ “ทนอยู่กันไป” น้อยลงตามลำดับ และเลือกการหย่าร้างมากขึ้น 7.คนในวัยนี้ ในยุคนี้ ส่วนใหญ่อยู่ได้ด้วยตนเอง ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคมและสุขภาพ ซึ่งสมัยก่อนแม้ไม่พอใจกัน แต่ก็จำเป็นต้องอยู่ต่อไปด้วยกัน เพราะเหตุผลทางสังคม และทางเศรษฐกิจที่จำต้องพึ่งพากัน แต่เมื่อเวลานี้ ตัวเองอยู่ได้ โดยไม่ต้องทนลำบากกายลำบากใจ การหย่ากันแล้วมีอิสรภาพ จึงเป็นทางเลือกที่น่าปราถนามากกว่า 8.คนในวัยนี้ ต่างมีความฝัน ตั้งแต่วัยเด็ก ที่ยังไม่ได้ตอบสนองมากมาย เพราะเมื่อเริ่มต้นอยู่กันเป็นครอบครัว ก็ต้องมุ่งแต่สร้างตัว สร้างครอบครัว ด้วยการทำงานหนักหรือเสียสละมา จนบัดนี้ ก็ถือว่านานมากแล้ว ในเมื่อบัดนี้ ไม่มีสิ่งใดที่น่าทะนุถนอมรักษา เหลืออยู่ในความสัมพันธ์แล้ว การได้เสรีภาพที่จะสนองความฝันของตน จึงเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เกิดการหย่าร้างขึ้น 9.คนในวัยนี้ ความอดกลั้นอดทนต่ำลง เพราะความระหองระแหงที่สะสมมา ดังนั้น เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ให้เกียรติแก่ตน หรือแก่คนที่ตนเองรักเคารพ อย่างเช่นบิดามารดา หรือ มีการทำผิดนอกใจตน ฟางเสันสุดท้ายก็ขาดลง จึงจบลงที่การหย่าร้าง! และอย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า พระคัมภีร์สั่งไว้ว่า 1.คนที่แต่งงานแล้ว 1).อย่าให้ภรรยาแยกจากสามี 2).อย่าให้สามีหย่าภรรยาเลย 2.คนที่หย่า หรือ แยกกันไปแล้ว 1).อย่าแต่งงานใหม่ 2).ให้คืนดีกันกับคนเก่า และแต่งงานอีกครั้งได้ พี่น้องที่รัก คำว่า “หย่าร้าง ”(divorce)มาจากคำภาษาลาตินว่า “divetere” ที่หมายว่า ” กั้นให้หันไป ชักจูงให้เห ทำให้เบี่ยงเบน ทำให้เขว ทำให้ออกนอกลู่นอกทาง หรือ เปลี่ยนเส้นทาง หรือ หาความเพลิดเพลิน“ ดังนั้น หากผู้ใด หรือ คู่ใด กำลังถูก ชักจูง ให้ออกนอกลู่ของชีวิตสมรส คือ คิดจะแยกทางหรือหย่าร้างกัน ผมขอหนุนใจให้ท่าน และคู่ของท่าน เข้ารับการ 1.ปรับความเข้าใจ 2.ปรับทัศนคติและ 3.ปรับความสัมพันธ์ ผ่านกระบวนการการให้คำปรึกษาเรื่องครอบครัวที่ดีที่มีคุณภาพ หากคริสตจักรกระทำได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อ 1).สมาชิก และ 2).ชุมชน แต่หากว่าคู่ของท่านไม่มี หรือ ไม่รู้จักหลักสูตรใดที่เหมาะสม ผมขอแนะนำ ให้ท่านตัดสินใจเข้าร่วมใน “หลักสูตรคู่สมรส” ขององค์การอัลฟ่าประเทศไทย เพราะอาจ 1.จะช่วยเหลือคู่แต่งงาน (ของท่าน)ที่กำลังคิดจะหย่าร้างกันได้ทันเวลา และ 2.จะนำท่านกลับเข้าสู่ลู่วิ่งของชีวิตครอบครัวที่เป็นสุข ในมิติที่ใหม่สดใสขึ้นกว่าเดิม อย่างน่าอัศจรรย์ใจกว่าเดิม --- Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/soulfood-podcast/message
  continue reading

422 jaksoa

Kaikki jaksot

×
 
Loading …

Tervetuloa Player FM:n!

Player FM skannaa verkkoa löytääkseen korkealaatuisia podcasteja, joista voit nauttia juuri nyt. Se on paras podcast-sovellus ja toimii Androidilla, iPhonela, ja verkossa. Rekisteröidy sykronoidaksesi tilaukset laitteiden välillä.

 

Pikakäyttöopas